

ประวัติความเป็นมาอำเภอแก้งสนามนาง
อำเภอแก้งสนามเดิมมีฐานะเป็นตำบลอยู่ในความปกครองของอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 7 มกราคม 2529 ได้แยกพื้นที่ตำบลแก้งสนามนาง ตำบลโนนสำราญ ตำบลบึงพะไล และตำบลสีสุก มาตั้งเป็น กิ่งอำเภอแก้งสนามนาง ขึ้นกับอำเภอบัวใหญ่ วันที่ 12 ตุลาคม 2531 ตั้งตำบลบึงสำโรง แยกออกจากตำบลบึงพะไล ตำบลแก้งสนามนาง และ ตำบลสีสุก ยกฐานะเป็น อำเภอแก้งสนามนาง ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2536
“แก้ง” ภาษาถิ่นอีสาน หมายถึง “แก่งหินกลางลำน้ำ” ในอดีต บริเวณนี้เป็นท่าข้ามแม่น้ำชี เพื่อเดินทางติดต่อไปมาหาสู่ ค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างผู้คนเมืองชัยภูมิ กับผู้คนในเขตบัวใหญ่ เมืองโคราช ต่อมามีรถไฟ การนำสินค้าจากจังหวัดชัยภูมิเข้าสู่เมืองหลวงจะลำเลียงข้ามแม่น้ำชีมาขึ้นรถไฟที่สถานีอำเภอบัวใหญ่ เพื่อส่งเข้ากรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ. 2480 เมื่อมีการสร้างถนน สะพานเหล็กข้ามลำน้ำชี เพื่อใช้ติดต่อกันระหว่างจังหวัดชัยภูมิกับอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา และเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าจากชัยภูมิสู่กรุงเทพฯ โดยนำสินค้ามาบรรทุกขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟบัวใหญ่ ปี พ.ศ. 2513 ได้รื้อสะพานเหล็กเพื่อสร้างเป็นสะพานคอนกรีต ซึ่งในปัจจุบันคือ ทางหลวงหมายเลข 202 สำหรับ “ท่า” ที่ใช้ข้ามแม่น้ำ มักตั้งชื่อตามแก่งหินน้ำตื้นที่ขวางอยู่กลางลำน้ำในบริเวณชุมชนนั้น เช่น ท่าข้าม “แก้งโก” (แก่งต้นตะโก) จึงเป็นข้อสังเกตว่า ชุมชนที่ตั้งอยู่ริมแก่งทั้งสองนี้มีชื่อตามชื่อแก่ง เช่น หมู่บ้าน "แก้งขาม" และหมู่บ้าน "แก้งโก" บ้านแก้งขามถือเป็นตลาดการค้าขนาดย่อมและเป็นตลาดรับซื้อปอจากฝั่งชัยภูมิ เพื่อส่งไปบรรทุกรถไฟที่สถานีอำเภอบัวใหญ่ จึงเป็นท่าข้ามที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ มาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ห่างจากตลาดแก้งขามเพียง 13 กิโลเมตร ชุมชนขนาดใหญ่ริมฝั่งน้ำชีที่มีความสำคัญในฐานะท่าข้ามในอดีตไม่แพ้กัน คือ ที่ตั้งของ “บ้านแก้งสนามนาง” หมู่บ้านหรือชุมชนแห่งนี้เรียกตามชื่อของแก่งหินเหมือนชุมชนอื่นๆ แต่ด้วยเหตุที่เป็นแก่งหินขนาดใหญ่กลางลำน้ำชีที่ยามหน้าแล้งน้ำลด หนุ่ม สาว จึงพากันลงเล่นน้ำที่แก่งนี้อย่างสนุกสนาน จึงเรียกชื่อชุมชนนี้ว่า “แก้งสนามนาง” ปัจจุบันเกาะแก่งต่างๆ ที่กล่าวมา ไม่มีให้เห็นแล้ว เนื่องจากลำน้ำเกิดการเปลี่ยนแปลงและตื้นเขิน
.
.